
บมจ.วินท์คอม เทคโนโลยี (VCOM) เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 60 เป็นวันแรก ด้านผู้บริหาร มั่นใจปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ย้ำบริษัทฯเป็นหุ้นน้องใหม่ ยุค 4.0 รองรับความต้องการใช้ระบบ IT ของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนชั้นนำ สอดรับนโยบายการลงทุน Thailand 4.0 ระบุ พร้อมขยายโอกาสการลงทุนขยายงานขายโครงการใหญ่ทั้งในประเทศและประเทศในกลุ่ม CLM สร้างการเติบโตในอนาคต ย้ำ VCOM เป็น Growth stock และมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
นายณรงค์ อิงค์ธเนศ ประธานกรรมการ บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก ภายใต้ชื่อ “VCOM” ว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯที่ได้ก้าวสู่การเป็นบริษัทมหาชนอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งมั่นใจว่าหุ้นของบริษัทฯจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักลงทุน
สำหรับจุดแข็ง ของ VCOM นอกเหนือจากที่เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Distributor) และการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ (Vendor) 7 รายใหญ่ระดับโลกแล้ว บริษัทฯยังได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าระดับต้น ๆ ของประเทศ ประกอบด้วยผู้รวบรวมระบบงาน (system integrators) และผู้ใช้งานทั่วไป (end users) ประเภทองค์กรขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจากคุณสมบัติดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ VCOM ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าระดับโลกและหน่วยงานระดับต้น ๆ ของประเทศ
และด้วยการที่ VCOM เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโซลูชั่นแบบครบวงจร บริษัทฯ ก็ยังสามารถตอบโจทย์และได้รับอานิสงค์จากกรณีที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy) Thailand 4.0 โดยการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศ มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในครั้งนี้อีกด้วย
นางทรงศรี ศรีรุ่งเรืองจิต กรรมการผู้จัดการ บมจ.วินท์คอม เทคโนโลยี (VCOM) กล่าวว่า "หลังจากที่ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ บริษัทฯได้เม็ดเงินในครั้งนี้จำนวน 230 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะนำเม็ดเงินบางส่วนไปขยายการลงทุนงานขายโครงการใหญ่ทั้งในประเทศและประเทศในกลุ่ม CLM อาทิ กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ ตามเป้าหมายที่บริษัทฯได้วางไว้ เพื่อสร้างการความเติบโตมั่นคงและยั่งยืนให้กับบริษัทฯ เพื่อก้าวสู่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งด้านการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรในเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในส่วนเม็ดเงินจากการระดมทุนในส่วนที่เหลือบริษัทฯจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจต่อไปในอนาคต"
ทั้งนี้ จากประสบการณ์กว่า 16 ปี และทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบกับอัตราการผลการดำเนินงานของบริษัทฯที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และการได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า Vendor ระดับโลก รวมถึงลูกค้าชั้นนำระดับต้น ๆ ของประเทศ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความมั่นคงของบริษัทฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวตอบโจทย์ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้อย่างชัดเจนว่า VCOM เป็นหุ้นน้องใหม่ที่มีแนวโน้มอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และด้วยนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ จึงมั่นใจว่า VCOM จัดว่าเป็นหุ้นประเภท Growth stock และ Dividend stock
ขณะที่นางสาวนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า "จากอัตราการเติบโตทางธุรกิจของ VCOM โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง ปี 2557 มีรายได้ 743 ล้านบาท กำไรสุทธิ 45 ล้านบาท ปี 2558 มีรายได้ 816 ล้านบาท กำไรสุทธิ 41 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้ 949 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46 ล้านบาท (กำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 41 ล้านบาท) และงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 มีรายได้ 1,119 ล้านบาท กำไรสุทธิ 56 ล้านบาท (กำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 44 ล้านบาท) ซึ่งสัดส่วนรายได้ปี 2559 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 มาจากการจำหน่ายสินค้าประมาณ 75% และอีก 25% มาจากรายได้การให้บริการ เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งจากปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพที่ดีทางธุรกิจ รวมถึงทีมคณะผู้บริหาร VCOM เป็นผู้มีวิสัยทัศน์และการมีประสบการณ์ในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งสามารถตอบสนองโซลูชั่นของลูกค้าได้อย่างครบวงจร จึงเชื่อว่าหุ้น VCOM จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน หลังจากที่เข้าทำการซื้อขายในตลาด mai อย่างแน่นอน"
นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.วินท์คอม เทคโนโลยี (VCOM) กล่าวว่า โดยส่วนตัวมั่นใจว่า VCOM จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ทั้งในการซื้อขายวันแรกและในช่วงต่อจากนี้ไป เพราะจากพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต และการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโซลูชั่นที่ครบวงจร สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ VCOM
“เชื่อว่าหุ้นน้องใหม่ภายใต้ชื่อ “VCOM” จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งราคา ที่จะสะท้อนออกมาถึงปัจจัยพื้นฐาน และการจ่ายอัตราเงินปันผลตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นได้อย่างแน่นอน” นายชัยภัทรกล่าวทิ้งท้าย